หน้าหลัก > บทความและรีวิว > 10 เทคนิค WFH (Work From Home) อย่างไรให้ Productive ไม่ต่างจากออฟฟิศ
10 เทคนิค WFH (Work From Home) อย่างไรให้ Productive ไม่ต่างจากออฟฟิศ
10 เทคนิค WFH (Work From Home) อย่างไรให้ Productive ไม่ต่างจากออฟฟิศ
30 Oct, 2025 / By kawathailand
Images/Blog/fCKlwZE1-สีฟ้า และ สีน้ำเงิน เรียบง่าย โมเดิร์น นวัตกรรม อนาคต คอนเทนต์ โพสต์ อินสตาแกรม (13).png

10 เทคนิค WFH (Work From Home) อย่างไรให้ Productive ไม่ต่างจากออฟฟิศ

รวม 10 เทคนิค WFH (Work From Home) ทำงานที่บ้านอย่างไรให้ Productive เหมือนนั่งทำงานที่ออฟฟิศ จัดการเวลา ลดสิ่งรบกวน และเพิ่มประสิทธิภาพการประชุมออนไลน์

การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home (WFH) ได้กลายเป็น "New Normal" ของหลายองค์กรไปแล้ว แม้ว่าจะมีข้อดีเรื่องความยืดหยุ่นและการประหยัดเวลาเดินทาง แต่หลายคนก็ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น "เตียงดูดวิญญาณ" ภาวะหมดไฟ (Burnout) หรือสิ่งรบกวนรอบตัวที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) ลดลง

คำถามคือ เราจะทำงานที่บ้านอย่างไรให้ยังคง Productive เหมือนนั่งทำงานที่ออฟฟิศ? วันนี้เรามี 10 เทคนิคที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพการ WFH ของคุณให้กลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง


10 เทคนิค WFH ให้ Productive เหมือนมืออาชีพ

1. เริ่มต้นวันเหมือนไปทำงาน (Start Your Routine)

อย่าทำงานทั้งชุดนอน! การอาบน้ำ แต่งตัว และเริ่มต้นวันเหมือนกับว่าคุณต้องไปออฟฟิศจริงๆ เป็นการส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่า "นี่คือเวลาทำงาน" ช่วยปรับโหมดจาก "พักผ่อน" เป็น "ลุยงาน" ได้ทันที

2. จัดสรรพื้นที่ทำงานให้ชัดเจน (Define Your Workspace)

หามุมใดมุมหนึ่งของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน หรือแม้แต่มุมห้องเล็กๆ ให้เป็น "ออฟฟิศ" ของคุณโดยเฉพาะ พยายามหลีกเลี่ยงการทำงานบนเตียงหรือโซฟา การแยกพื้นที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีสมาธิ และเมื่อเลิกงานก็ "ออกจากออฟฟิศ" เพื่อพักผ่อนได้เต็มที่

3. วางแผนงาน (Plan Your Day)

ก่อนเริ่มงาน 10 นาที หรือตั้งแต่คืนก่อนหน้า ให้ทำ To-Do List สิ่งที่ต้องทำให้เสร็จในวันนี้ จัดลำดับความสำคัญว่าอะไรเร่งด่วน การมีแผนที่ชัดเจนช่วยให้คุณไม่หลงทางและรู้ว่าต้องโฟกัสกับอะไร

4. กำหนดเวลาทำงานและเวลาพัก (Set Clear Boundaries)

WFH ไม่ได้แปลว่าต้องทำงาน 24 ชั่วโมง กำหนดเวลาเข้างาน-เลิกงานให้ชัดเจนเหมือนตอนอยู่ออฟฟิศ และที่สำคัญคือต้อง "พักเบรก" ด้วย ลองใช้เทคนิค Pomodoro (ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที) เพื่อให้สมองได้พักและกลับมามีประสิทธิภาพสูงสุด

5. สื่อสารกับทีมให้มากกว่าเดิม (Over-Communicate)

เมื่อไม่ได้เจอกันตัวเป็นๆ การสื่อสารคือหัวใจสำคัญ อัปเดตสถานะงานกับทีมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านการแชท อีเมล หรือการประชุมออนไลน์สั้นๆ เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพตรงกัน

6. จัดการสิ่งรบกวนรอบข้าง (Minimize Distractions)

ไม่ว่าจะเป็นเสียงคนในครอบครัว เสียงแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย หรือเสียงก่อสร้างข้างบ้าน สิ่งเหล่านี้คือตัวบั่นทอนสมาธิชั้นดี แจ้งคนในบ้านให้ทราบถึงเวลาทำงานของคุณ ปิดแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น และหาวิธีจัดการกับเสียงรบกวนภายนอก

7. อัปเกรด "อุปกรณ์" ให้พร้อมรบ (Upgrade Your Tools)

การทำงานที่บ้านต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสูงมาก อินเทอร์เน็ตต้องเสถียร คอมพิวเตอร์ต้องพร้อม และที่ขาดไม่ได้คือ "หูฟัง" สำหรับการประชุมออนไลน์ เพราะการสื่อสารที่ชัดเจนคือหัวใจของการทำงานเป็นทีม

ลองนึกภาพคุณกำลังพรีเซนต์งานสำคัญ แต่ลูกค้าได้ยินเสียงหมาเห่า หรือเสียงคนคุยกันในบ้านแทรกเข้ามา ความน่าเชื่อถืออาจลดลงทันที การลงทุนกับ "หูฟังตัดเสียงรบกวน" ดีๆ สักตัวจึงจำเป็นมาก

เคล็ดลับเลือกหูฟังสำหรับ WFH: ควรเลือกแบบที่มีก้านไมค์ยื่นออกมาเพื่อการรับเสียงพูดที่ชัดเจน และมีระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Canceling) ที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คู่สนทนาได้ยินเฉพาะเสียงของคุณ

8. ลงทุนกับ "ผู้ช่วย" ตัดเสียงรบกวน

หากคุณต้องประชุมออนไลน์บ่อยๆ และจริงจังกับการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง การเลือกใช้หูฟังที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะจะช่วยได้มาก อย่าง Kawa K10C+ ที่เป็นหูฟังบลูทูธตัวท็อปของแบรนด์ ซึ่ง เน้นการตัดเสียงรบกวนโดยเฉพาะ

ด้วยชิปเซ็ตนำเข้าจากอังกฤษ Qualcomm QCC3040 ที่มาพร้อม AI V5.4 และรองรับ Aptx Adaptive ทำให้เสียงพูดของคุณคมชัด แม้รอบข้างจะวุ่นวายแค่ไหน ปลายสายก็ได้ยินเสียงคุณชัดเจน ที่สำคัญคือ:

  • แบตอึด 18 ชั่วโมง: คุยต่อเนื่องได้ทั้งวัน ประชุมยาวแค่ไหนก็ไม่สะดุด
  • Ready to pair: หยิบออกจากกล่องชาร์จแม่เหล็กก็เชื่อมต่อคอมหรือมือถืออัตโนมัติ
  • ปุ่มปิดไมค์ที่ตัวหูฟัง: สะดวกมากเวลาประชุมหลายคนแล้วต้องการปิดเสียง (Mute) ชั่วคราว
  • รองรับ Zoom และ Meet: เชื่อมต่อคอมได้เสถียร ไม่หลุดง่าย
  • น้ำหนักเบา ใส่สบาย: ออกแบบมาให้ใส่ได้ทั้งวันโดยไม่เจ็บหู

การมีอุปกรณ์ที่ดี ไม่เพียงแต่ช่วยให้งานราบรื่น แต่ยังสะท้อนความเป็นมืออาชีพของคุณด้วย

Kawa K10C+ หูฟังบลูทูธ 5.3 มาพร้อมกล่องชาร์จได้ในตัว ตัดเสียงรบกวนดีมาก  รองรับ Aptx Adaptive แบตเตอรี่ 18 ชม - หูฟังแบตอึด หูฟังตัดเสียงรบกวน หูฟัง  Bone Conduction นาฬิกาอัจฉริยะ แม่กุญแจแสกนลายนิ้วมือ อุปกรณ์สมาร์ทโฮม

9. ขยับร่างกายบ้าง (Stay Active)

การนั่งติดเก้าอี้ทั้งวันส่งผลเสียต่อสุขภาพ ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง เดินไปดื่มน้ำ หรือออกกำลังกายเบาๆ หลังเลิกงาน จะช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรมและทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น

10. "ปิดสวิตช์" เมื่อเลิกงาน (Log Off and Disconnect)

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ให้ "ปิด" จริงๆ ปิดโปรแกรมแชทงาน ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วไปใช้เวลากับครอบครัวหรืองานอดิเรก การพักผ่อนที่เพียงพอคือเชื้อเพลิงสำคัญสำหรับความ Productive ในวันถัดไป


สรุป

การ Work From Home ให้ Productive ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัย "วินัย" ในการจัดการตัวเอง และ "เครื่องมือ" ที่เหมาะสม การจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำงาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีอุปกรณ์สื่อสารที่คมชัด จะช่วยลดช่องว่างระหว่างการทำงานที่บ้านและออฟฟิศได้อย่างแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังมองหา "ผู้ช่วยคนสำคัญ" ที่จะทำให้การประชุมออนไลน์ของคุณเป็นเรื่องง่ายและดูเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น ลองดูรายละเอียด Kawa K10C+ หูฟังตัดเสียงรบกวนที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานยุคใหม่โดยเฉพาะ

[http://kawathailand.com/]

เปลี่ยนการ WFH ที่วุ่นวาย ให้กลายเป็นเรื่องง่ายและ Productive ด้วยเครื่องมือที่ใช่สำหรับคุณ

 

Like
ความคิดเห็น (0)
ก่อนหน้า 1 ถัดไป
ร้านค้าออนไลน์
© 2006-2025
Vevo Systems Co., Ltd.